Life Lessons of 2018

[vc_row][vc_column][vc_column_text]

ปี 2018 เป็นปีที่ได้เปลี่ยนแปลงกับตัวเองมากที่สุดปีหนึ่ง ไม่ใช่เพราะว่าสถานการณ์บีบบังคับให้เปลี่ยน แต่เป็นเพราะการที่ปีนี้เปิดรับสิ่งใหม่ๆเยอะขึ้น จึงมีโอกาสได้นำความรู้และสติปัญญาที่ได้รับมามาปรับใช้กับตัวเอง ขอสรุปออกมาเป็นข้อๆได้ดังนี้

[/vc_column_text][vc_column_text]

1. ทำงานน้อยลง
ปีนี้เป็นปีที่ 12 ของ SneakaVilla และเป็นปีแรกที่ไม่ได้มีหน้าร้านเป็นของตัวเองอย่างเต็มตัว จากที่เคยต้องเข้าร้านทุกวัน มีงานที่ต้องคอยดูแลทั้งคน และทั้งแบรนด์ ตอนนี้งานก็ถูกจัดแจง และจ่ายออกไปให้ทีมงานได้ทำมากขึ้น เรียกว่าเป็นปีที่ Work Smarter, not harder และการจัดสรรค์งานให้คนอื่นช่วยทำให้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่องานที่ตั้งเป้าไว้ถึงกำหนด ก็ให้โบนัสทีมงาน ด้วยการพาน้องๆที่ Office ไปเที่ยวญี่ปุ่นกันยกทีมด้วย

[/vc_column_text][vc_row_inner][vc_column_inner width=”1/2″][vc_single_image image=”3206″ img_size=”full” onclick=”link_image”][/vc_column_inner][vc_column_inner width=”1/2″][vc_single_image image=”3218″ img_size=”full” onclick=”link_image”][/vc_column_inner][/vc_row_inner][vc_column_text]2. ปล่อยวางมากขึ้น
เมื่อก่อนผมเป็นคนจริงจังกับงาน บางทีก็มากไป เคยทำเองได้หมดทุกตำแหน่งตั้งแต่พนักงานขาย ไปยันช่างภาพ และกราฟฟิคดีไซน์เนอร์ คิดและทำงานไว พอจะต้องบริหาร มอบหมายงานให้คนอื่นทำแทน ก็คาดหวังไว้สูง แต่ให้เวลาทำงานน้อย เพราะคิดว่าเราทำได้ เค้าก็ทำได้ แต่พอถึงเวลางานออกมาไม่เสร็จ ไม่สมบูรณ์ เรียกว่าไม่ได้เป็นไปตามต้องการ ปกติจะหงุดหงิด อารมณ์ไม่ดี และพยายามเร่งให้ได้ตามกำหนด แต่ปีนี้ปล่อยวางมากขึ้น ถ้าไม่ได้จริงๆก็เลื่อนไปอีกนิด หรือไม่ถนัดก็หาคนมาช่วยเสริม อะไรที่ลงไปทำได้ก็จะช่วยกัน หรือถ้ามันพอเลื่อนได้ก็เลื่อนออกไปก่อน เอาความผิดพลาดเป็นบทเรียน เอาไว้แก้ไขกันคราวหน้า[/vc_column_text][vc_column_text]

3. ได้ถ่ายรูปด้วยกล้องฟิล์มมากขึ้น
ปี 2018 ที่ผ่านผมถ่ายภาพด้วยฟิล์มเยอะที่สุดในชีวิต ฟิล์ม 135mm น่าจะราวๆ 3-400 ม้วน ฟิล์ม 120 ประมาณ 80-100 ม้วน และฟิล์ม sheet 4×5 ไปถึงราวๆ 90 ใบ เป็นปีที่เอาเวลาที่เหลือจากการทำงานมาลองผิดลองถูกไปกับงานอดิเรกคือการถ่ายภาพด้วยฟิล์มเยอะมาก บางครั้งก็แอบหมกมุ่นไป แต่กลับลงภาพในโลก social น้อยลง เพราะอยากทำ Photobook ของตัวเอง และก็การถ่ายภาพนี่แหละที่เป็นตัวผลักดันทำให้ผมออกเดินทางมากขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะไม่ค่อยอยากไปไหนไกลๆ แต่พอมาถ่ายภาพด้วยฟิล์มแล้ว พยายามพาตัวเองออกไปเดินเล่นถ่ายรูปบ่อยมาก ไม่จำเป็นต้องต่างประเทศ ต่างจังหวัด บางครั้งก็แค่เปลี่ยนเส้นทางกลับบ้าน เปลี่ยนวิธีการจากรถเป็นเดินก็ได้เดินออกกำลังกาย พร้อมกับถ่ายภาพไปด้วยแล้ว

[/vc_column_text][vc_row_inner][vc_column_inner][vc_single_image image=”3213″ img_size=”full” onclick=”link_image”][vc_single_image image=”3217″ img_size=”full” onclick=”link_image”][/vc_column_inner][/vc_row_inner][vc_column_text]4. ได้เที่ยวมากขึ้น
ปีที่ผ่านมาผมใช้เวลาอยู่ที่ตปท เกือบ 2 เดือน ไปยุโรปสองครั้ง ครั้งละสองสัปดาห์และพาลูกไปเที่ยวญี่ปุ่นสองครั้ง ไม่นับเมืองไทยอีกหลายจังหวัด ไม่ได้มีรายรับมากขึ้น แต่ใช้จ่ายอย่างฉลาดมากขึ้น ก่อนหน้านี้ผมหมดเงินไปกับของฟุ่มเฟือยที่ตัวเองเรียกว่า “ของสะสม” หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า เสื้อผ้า นาฬิกา แผ่นเสียง ของเล่น กล้อง ผมไม่เคยแบ่งเงินมาให้เดินทางหรือพักผ่อนเลย คิดว่าวัตถุนั้นน่าชื่นชมกว่าสิ่งใด แต่ตอนนี้ผมเลือกที่จะนำเงินส่วนนั้นมาเพื่อใช้ในการท่องเที่ยวออกเดินทาง เพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆให้กับตัวเอง เลือกเดินทางไปประเทศที่เค้าเจริญกว่าเรา เพื่อให้เห็นและเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่รู้ตอนเราอยู่ในประเทศตัวเอง ไปศึกษาในศิลปะวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของคนและธุรกิจของประเทศเหล่านั้น เมื่อได้รู้ จะได้นำมาปรับเพื่อพัฒนาตนเองและธุรกิจ พอได้ทำแล้วรู้สึกว่าประสบการณ์และความทรงจำดีๆนั้นน่าเก็บสะสมมากกว่าวัตถุมากนัก หลายๆครั้งที่อยู่ต่างประเทศก็มีคิดเหมือนกันนะว่า ทำไมบ้านเมืองเค้าถึงดูสวยงาม ดูเจริญหูเจริญตา ถูกจัดสรรออกมาอย่างเป็นระเบียบ บางที่ก็ดูมีระเบียบเรียบร้อยเกินกว่าจะสามารถคิดให้มันเกิดขึ้นในบ้านเราได้ คล้ายๆกับว่าเราไปเที่ยวเมืองในฝัน ที่มันดันมีอยู่จริงเท่านั้นเอง[/vc_column_text][vc_single_image image=”3214″ img_size=”full”][vc_single_image image=”3210″ img_size=”full”][vc_column_text]

5. ได้ลดละเลิก มากขึ้น
หลังจากกลับมาจากยุโรปรอบแรกเห็นว่าคนที่นั่นไม่ได้จะสนใจวัตถุกันสักเท่าไร ไม่ค่อยเห็นคนใช้ของแบรนด์เนมเลย (อยู่นั่น 14 วัน เห็นคนที่นั่น ที่ไม่ใช่นักท่องเที่ยวใช้กระเป๋าแบรนด์เนมน้อยกว่าเดินสยาม 2 วันอีก) ทั้งที่ของแบรนด์เนมมาจากในประเทศยุโรปทั้งนั้น แอบเห็นว่าเค้าสนใจสุขภาพและคุณภาพชีวิตมากกว่า บวกกับได้ดูหนังสารคดีใน Netflix เรื่อง Minimalist ที่เกี่ยวกับชายหนุ่มสองคนที่เลือกและใช้เวลากับสิ่งรอบตัว คนรอบข้าง ไม่ใช่วัตถุและเดินทางบรรยายไปทั่วอเมริกา (แนะนำให้ไปดูครับ) ก็เลยได้แรงบันดาลใจในการโล๊ะเสื้อผ้ารองเท้าที่นอนนิ่งมาขายและบริจาคไปจำนวนมาก จากที่เคยแต่ซื้อเข้าไม่เคยขาย และจะใส่แต่แค่ของใหม่ๆที่ซื้อมา หรือเสื้อผ้าเดิมๆที่ชิน ทำให้ผมมีเสื้อผ้าที่ถูกลืม ไม่ได้ใส่เลยเป็นเวลามากกว่า 90 วัน อยู่ราวๆ 400-500 ตัว รองเท้าไม่ต่ำกว่า 70 คู่ ตอนนั้นลอง Live ใน Facebook ขายแค่วันเดียวได้เงินกลับมาราวๆ 2 แสนบาท และก็มีเสื้อผ้าส่วนนึงที่แยกไว้บริจาคไปมากกว่า 20 ถุงดำใหญ่น้ำหนักน่าจะเป็นร้อยๆกิโล และเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่าพอทิ้งของเหล่านั้นไปผมกลับไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเสียดาย หรือขาดอะไรบางอย่างเลยกลับมีความสุขมากขึ้นด้วยซ้ำ

[/vc_column_text][vc_column_text]6. อ่านหนังสือมากขึ้น
ปีนี้อ่านหนังสือจบไปกว่า 20 เล่ม จากที่เมื่อก่อนเป็นคนไม่อ่านหนังสือเลย ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกาปี 2002 ก็ไม่เคยอ่านหนังสือเป็นเล่มๆเลย ยอมรับว่าความรู้ส่วนใหญ่มาจาก Internet และการได้พบปะผู้คนเท่านั้น ทุกวันนี้พยายามแบ่งเวลามาอ่านหนังสือมากขึ้น เริ่มจากหนังสือที่อ่านไม่ยาก แนวพวกบริหารจัดการ และสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตัวเอง จะมีนิยายบ้างเล็กน้อย พออ่านแล้วรู้สึกดีมาก เหมือนได้ฟังเรื่องเล่าหรือได้เจอมุมมองแปลกๆของผู้มีประสบการณ์ทั้งที่ถูกสัมภาษณ์และนักเขียน ซึ่งเป็นที่มาของความรู้และปัญญาให้แก่ตัวเอง จริงๆเฉพาะเดือนนี้เดือนเดียวก็อ่านจบไปกว่า 5 เล่มแล้ว ปีหน้าคิดว่าคงเยอะกว่านี้แน่ๆ[/vc_column_text][vc_row_inner][vc_column_inner width=”1/2″][vc_single_image image=”3216″ img_size=”full” onclick=”link_image”][/vc_column_inner][vc_column_inner width=”1/2″][vc_single_image image=”3211″ img_size=”full” onclick=”link_image” css=”.vc_custom_1546246068291{padding-top: 150px !important;}”][/vc_column_inner][/vc_row_inner][vc_column_text]7. เข้าใจถึงความสำคัญของชีวิตมากขึ้น
ความรู้จากการที่ได้อ่านหนังสือหลากหลายเล่ม และได้เดินทางไปอยู่กับธรรมชาติที่ Iceland กินนอนในรถร่วมกับภรรยา ทำให้ผมได้ค้นพบความหมายและความสำคัญของชีวิตชัดเจนขึ้นกว่าเดิม การที่เราได้อยู่กับตัวเองกับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ผมเห็นว่าเรามันเป็นแค่เสี้ยวเล็กๆในโลกใบนี้มาก (เคยอ่านหลายคนพูด พึ่งเข้าใจก็ตอนนี้แหละ) ผมเลือกที่จะคิดถึงคนอื่นให้มากขึ้น แบ่งปันมากขึ้น ยอมรับในโลกนี้มากขึ้น ไม่เปรียบเทียบเรากับใคร สร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนและคนในครอบครัวมากขึ้น และให้ความสำคัญกับสุขภาพตัวเองด้วยการตื่นเช้าออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 วัน จากที่แทบจะไม่ได้ออกกำลังกายเลยเป็นเวลาหลายปี[/vc_column_text][vc_column_text]

เป้าหมายของปีหน้าคือมีลูกเพิ่มอีกคน พาลูกไปเที่ยวด้วยกันมากขึ้น เข้าสู่ธรรมชาติให้มากขึ้น ให้ความสำคัญกับมิตรภาพมากขึ้น
สวัสดีปีใหม่ทุกคน ขอให้เดินทางปลอดภัยและมีความสุขกันตลอดปีครับ

[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]

Comments

There are no comments yet.

Leave a comment